ค้นหาบทความที่น่าสนใจ

บันทึกการฝึกงานสำรวจ part 1

            สวัสดีครับ ครั้งนี้ผมจะมากล่าวถึงประสบการณ์การฝึกงานช่วงปิดเทอมใหญ่ของผมครับ ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนเลยว่า มันเป็นเหตุการณ์ช่วงที่ผ่านมานี้เองครับ ผมซึ่งตอนนั้นเรียนอยู่ ปี 2 ครับ ซึ่งจะว่าไปจริงๆก็จบปี 2 แล้วแหละ และช่วงนี้ก็เป็นปิดเทอมใหญ่ของผม คือมหาวิทยาลัยตอนนี้ เปิดเทอมช่วงเดือนสิงหาคม จะปิดเทอมเล็กตอนกลางๆ ธันวาคมถึงประมาณกลางๆเดือนมกราคมครับ และจะปิดเทอมใหญ่ช่วงประมาณกลางๆเดือนพฤษภาคมยันสิงหาคมนั้นแหละครับ ซึ่งช่วงเวลาปิดเทอมใหญ่นี่แหละครับ จะเปิดช่วงเวลาของการพักผ่อน บางคนอาจไปค่ายต่างๆ ที่จัดขึ้น อาจจะเป็นของมหาวิทยาลัย หรือ ชมรม หรือเป็นค่ายอาสาต่างๆ หรือบางส่วนอาจจะลงเรียนภาคฤดูร้อน (ตอนนี้เรียนช่วงหน้าฝน-..-)  และบางส่วนก็จะต้องมาฝึกงานครับ

            ใช่แล้วครับ ผมก็อยู่ในส่วนของคนที่ต้องมาฝึกงานเหมือนกัน(ฝึกงานช่วงปิดเทอมใหญ่และกลับมาตอนก่อนจะเปิดภาคเรียนฤดูร้อน พูดง่ายๆคือไปอยู่ 11 วันครับก่อนเปิดเทอมฤดูร้อน) ถึงจะเป็นวิชาที่ไม่ใช่ในส่วนของภาควิชาที่ผมอยู่แต่วิชานี้ก็เป็นส่วนของวิชาบังคับครับ ที่จะต้องเรียนครับ ก็เลยจะต้องลงเรียนภาคทฤษฎี และมาฝึกงานภาคสนามครับ จริงๆ แล้วตามส่วนของภาควิชาที่ผมเรียนจะต้องไปฝึกงานตอนปี 3 อีกรอบหนึ่งในส่วนของวิชาภาคครับ มาต่อเรื่องการฝึกงานของผมที่จะกล่าวถึงดีกว่าครับ วิชานี้ชื่อว่า การสำรวจครับ ซึ่งก่อนที่จะมาฝึกงานนั้น จะได้เรียนภาคทฤษฎีมาก่อนครับ จะว่าไปความรู้ในส่วนของทฤษฎี(ความรู้ของผมนั้น) มีอยู่น้อยนิดด้วยซ้ำ เหมือนว่าเรียนทฤษฎีแล้วมันไม่ค่อยเห็นภาพเท่าไรนัก ถึงจะมีการทำแลปที่ต้องปฏิบัติ แต่พอมาทำงานภาคสนามจริงๆ ก็เท่ากับต้องทวนความรู้อีกทีก็ว่าได้ครับ  กล่าวง่ายๆก็คือมาเรียนรู้อยู่ที่ภาคสนามอีกที5555  ว่ากันตรงๆ ก็คือผมมาเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ที่ภาคสนามนี่แหละครับ    ซึ่งสถานที่ฝึกภาคสนามอยู่ที่เขื่อนลำตะคอง อ.สี่คิ้ว จ.นครราชสีมาครับ


ห้องที่อยู่ทางซ้ายของห้องที่ตรงกับห้องทางเดิน คือห้องเก็บอุปกรณ์ครับ

            วันแรก ผมออกเดินทางจากม.ของผมประมาณแปดโมงเช้า วันแรกที่ออกเดินนั้น ก็เกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นครับ รถตู้ที่บรรทุกกระเป๋า(บรรทุกพวกสัมภาระต่างๆ) คันหนึ่งเกิดเสียระหว่างทาง คือ ตอนไปจะมีรถบัส 1 คัน กับรถตู้2คัน สำหรับโดยสารกับอุปกรณ์ภาคสนาม ส่วนรถตู้อีกคันจะขนพวกกระเป๋าเดินทางทั้งหมด แล้วคันสุดท้ายนี้แหละครับ ที่ดันเสียกลางทาง ทำให้เดินทางล่าช้าไป ผมซึ่งนั่งรถตู้(คัน2) มาถึงที่หมายก่อนคันอื่นๆ เพราะตอนออกตัวดันเป็นคันนำ เลยไม่รู้ว่ามีคันหลังสุดเสีย ก็มาถึงประมาณๆ สิบโมงเช้าเห็นจะได้ครับ ส่วนคันอื่นๆ มาถึงที่หลังประมาณเที่ยง ตอนผมมาถึงสถานที่ฝึกงานนั้น แดดออก ผมว่าแดดที่ต่างจังหวัดนั้นมันแรงแบบเผาผิวให้ไหม้เลยแหละครับ (บอกเลยว่าวันที่ 2 แขนกับคอผมนี่แดงไปหมดเลยละครับ แสบสุดๆเลยแหละครับ)
             ตอนเดินออกมาจากรถนี่ รู้สึกได้ถึงการโดนแดดเผาเลยที่เดียว พอมานั่งรอเพื่อนๆ สักพักใหญ่ ก็เลยรู้ว่ารถคันหลังเสีย พอคันหลังจะมา ไม่นานนักก่อนคันอื่นจะมาถึง สภาพอากาศที่แดดจัดๆ อยู่ๆก็เปลี่ยนไป มีเมฆใหญ่ๆ ลอยเข้ามา แล้วฝนก็ตกหนัก ผมรู้ว่าดีแล้วมี่มาถึงก่อนเลยไม่ต้องวิ่งตากฝนมายังโรงอาหาร


ภาพตอนไปถึงครับ ถ่ายจากโรงอาหาร ตอนฝนยังไม่ตก

             หลังจากที่คันอื่นๆ มาถึง พวกเราก็ได้กินข้าวเที่ยงกัน พอบ่ายโมง อาจารย์ที่มาด้วยกันก็ชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้นในวันแรก และแจงถึงงานว่าจะต้องทำอะไรบ้าง รวมถึงขอบเขตของงานภาคสนาม สถานที่ฝึกงานของผมคือ บริเวณเขื่อนลำตะคอง ครับ 

          งานภาคสนามของพวกผมคือ ทำแผนที่มาตราส่วน 1:500 และ 1:1000  ของบริเวณอ่างเก็บ ที่พัก ไปจนถึงบริเวณเขื่อน ขอบเขตที่อาจารย์กำหนด เพื่อความชัดเจน และไม่ให้ไปไกลจนเกินไป คือ ด้านทิศใต้จะสุดที่รั่วที่อยู่ข้างๆป้อมยามทางเข้าด้านหน้าของเขื่อน (ประตูป้อมยามทางเข้าจากถนนมิตรภาพ) ทิศตะวันออกจะสุดที่รั่วด้านขวาของพื้นที่(รั่วนี่คือบอกให้รู้ว่าสุดอาณาเขตของพื้นที่ทางฝั่งขวาครับซึ่งมันจะเป็นรั่วยาวๆ จากป้อมยามด้านทางเข้าด้านหน้าไปจนสุดเขตของแผนที่อีกด้านเลยครับ กล่าวคือจากทางเข้าด้านหน้าไปยันสุดด้านหลังเลยทีเดียว) ทางทิศตะวันตกจะสุดที่ขอบของอ่างเก็บน้ำ (ก็คือติดน้ำนั้นแหละครับ) ส่วนทิศเหนือจะสุดที่ถนนก่อนข้ามสะพานที่เป็นสปริงเวย์(ประตูระบายน้ำล้น) ของเขื่อนครับ ก็คือทางไปสันเขื่อนนั้นเองครับ ผมว่าพื้นที่มันก็ไม่ได้เล็กไป หรือใหญ่ไปครับ

           หลังจากที่อาจารย์บอกขอบเขตของพื้นที่ แล้วก็ปล่อยให้พวกเราคุยกัน (วางแผนว่าจะทำงานกันอย่างไรครับ) ซึ่งตอนนั้นรู้สึกว่าหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จก็ไปช่วยเก็บพวกอุปกรณ์ภาคสนามต่อ หลังจากเก็บเสร็จ รถตู้ 2 คันที่ขับกลับไปขนสัมภาระ (ของที่มากับรถคันที่เสีย) ก็มาถึงครับ พวกเราต่างขนสัมภาระของตนไปเก็บยังห้องพัก ซึ่งห้องพักจะแย่งระหว่างชายกับหญิงครับ ผู้หญิงจะได้พักบ้านที่มีแอร์ ภายในมีแบ่งเป็นห้อง 2 ห้องนอนมีห้องน้ำในบ้านครับ (ผมเดินเข้าไปสำรวจในตอนก่อนกลับ) และบ้านอาจารย์ก็เช่นกันครับ
         
ภาพห้องพัก
         ส่วนผู้ชายจะเป็นห้องพักข้าราชการครับ เป็นตึกยาวๆแบ่งเป็นห้องๆจะมีตึกข้างโรงอาหาร (ผมเรียกว่าตึกด้านล่างแล้วกันครับ เพราะอยู่เนินด้านล่าง) กับตึกด้านบน แต่ละห้องก็จะมีพัดลม มีห้องน้ำในห้อง (คิดว่าสร้างทีหลังนะเพราะด้านหลังห้องพักมีโรงอาบน้ำรวมอยู่ด้วยครับ ดูร้างๆมีหญ้ารกขึ้นเต็มเลย) เนื่องจากว่าผู้ชายมีเยอะครับ แบ่งห้องกันนอน5-6คน แล้วยังไม่หมด จะเหลือบางส่วน (หนึ่งในนั้นก็มีผมร่วมอยู่ด้วย พวกขนอุปกรณ์ภาคสนามกลุ่มท้ายๆไปเก็บในห้องเก็บอุปกรณ์) เลยต้องไปนอนห้องพักที่อยู่ด้านบน (ด้านหน้าโรงอาบน้ำ)ตึกที่ผมอยู่ ห้องฝั่งขวาๆ จะมีข้าราชการ (น่าจะเป็นกรมชลละมั้งครับคิดว่านะ) อยู่ครับ ห้องข้างๆห้องผมด้านซ้ายเป็นห้องเก็บอุปกรณ์ครับ ด้านขวาข้างห้องผม มีเพื่อนๆ นอนกัน4คนและห้องติดกันกับห้อง4คนก็มีอีก4คน


ภาพทางน้ำไหลจากเขื่อนครับ

           ส่วนห้องผมนั้น มีเพียง3คนที่เหลือ เลยสบายหน่อย มีเพื่อนกลุ่มหนึ่งเดินไปสำรวจพื้นที่ที่ต้องทำการสำรวจเพื่อทำแผนที่ครับ ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงหลังฝนตกครับ อากาศตอนนั้นผมว่าค่อนข้างจะดีด้วย มีเมฆ แดดไม่แรง มีลมเย็นๆ ผมซึ่งเดินตามไปที่หลัง เดินไปวาดภาพพื้นที่คร่าวๆ อย่างง่าย เพื่อจะได้รู้ว่าแผนที่ที่ต้องทำนั้นหน้าเป็นอย่างไง จริงๆแล้วกลุ่มแรกๆ(ที่เดินนำผมเป็นพวกที่มาเดินเล่น-..-) ผมก็มารู้ตอนเดินตามทันว่าแค่มาเดินเล่นๆ เดินไปแปปเดียวกลับ ส่วนพวกกลุ่มจริงจัง ซีเรียสจะเป็นกลุ่มด้านหลังของผม ที่เดินช้าๆ เห็นอะไรจดๆ จดหมด ตอนนั้นจำได้ว่าประมาณบ่ายสอง บ่ายสามมั้งครับ ส่วนผมนั้น ก็พึ่งจะคิดจะมาจดก็ประมาณเดินออกจากที่พักไปพอควรแล้วแหละครับ

           พื้นที่ๆ ทำการสำรวจนั้นจะมีซอยย่อยๆ 4 ซอยครับ (ที่พักอยู่ซอย2) ตอนนั้นผมเดินขึ้นทิศเหนือ ไปถึงประมาณซอย4 แล้วพึ่งคิดได้ว่าควรจะจดหน่อยจะดีกว่า เลยต้องหันหลังไปดูว่าเดินเลยมากี่ซอยแล้ว แต่ก็โดนกลุ่มด้านหน้าทิ้งไว้ไกลพอควรเลย จดไปแบบรีบๆ (แผนที่อย่างง่ายของผมตอนแรกในส่วนที่พักจนถึงประมาณซอย 4  ในทางที่จะไปยังเขื่อนเลยดูมั่วๆ) หลังจากนั้นก็เดินตามกลุ่มหน้าที่จะไปถ่ายรูปที่เขื่อน ไปยันสันเขื่อน (สันเขื่อนไม่ต้องทำในแผนที่ครับ) ซึ่งตอนแรกผมนึกว่าต้องทำด้วยเลย จดไปด้วยแต่พอรู้ว่าไม่ต้องทำผมก็จดแถวนั้นไปเยอะพอควรแล้ว



ภาพตอนที่ผมเดินไปถึงสันเขื่อนครับ

            ตอนที่ผมไปนั้น น้ำในเขื่อนค่อนข้างน้อยครับ ก็เห็นได้จากภาพครับ ภาพนี่ผมถ่ายตอนเดินไปแถวๆเขื่อนครับ แต่ตอนนี้เหมือนจะมีข่าวว่าปิดไม่ให้ใครเข้าแล้วละมั้ง จำได้ว่าใกล้ๆ แถวๆสันเขื่อนมีร้านขายไก่อยู่ด้วยครับ 5555 พวกเพื่อนๆผมชอบซื้อกินกันเสียด้วยสิ
           หลังจากที่เดินสำรวจบนเขื่อนสักพักหนึ่ง กลุ่มด้านหลังก็มาถึงๆ พวกเขาอยู่แถวนั้นอยู่พักเดียวกลุ่มนั้นก็กลับไปบ้านพักโดยไปอีกทางที่ยังไม่ได้เดิน ซึ่งตอนนั้นผมเดินตามกลุ่มนี้ไปด้วยครับ

         พวกเราเดินวนถนนทางทิศเหนือของพื้นที่ย้อนกลับโดยใช้ทางฝั่งขวาที่ติดรั่วทางทิศตะวันออก ตอนแรกก็งงก็กับเส้นทางเหมือนกันว่าจะกลับทางไหน พอเดินไปเรื่อยๆ ก็เจออีกด้านของซอยย่อยในพื้นที่ที่เดินมาครับ ตรงอีกด้านของซอย 4 จะมีโรงเรียนตั้งอยู่ พอเดินขึ้นไปเรื่อยๆ จะเจอกับซอย 3  ซอย 2  ซอย 1 ตามลำดับ เมื่อเดินจากซอย 1 ไปเรื่อยๆ จะเข้ากับป้อมยามเป็นอันสุดเขต ทางทิศใต้ของแผนที่ที่พวกผมจะต้องวาดแล้วแหละครับ
         
           ตอนเดินไปถึงป้อมยาม ต้องบอกเลยว่า มีสิ่งหนึ่งที่จะคอยขัดขว้าง การเดินของพวกผมเป็นระยะๆ ซึ่งมันคือ สัตว์เจ้าถิ่นครับ คือหมานั้นเอง ตรงบริเวณป้อมยามทางทิศใต้ของแผนที่นั้น มีอยู่เป็นฝูงเลยทีเดียวครับ พอเดินไปยิ่งใกล้ป้อม มันจะส่งเสียงขู่เป็นระยะๆ และส่งเสียงเห่า พร้อมกับเดินตาม ตอนแรกนึกว่า มันจะกัด เพราะเมื่อเดินไปเรื่อยจนถึงป้อมยาม มันก็มีบางตัววิ่งเข้าหา เพื่อนบางคนกลัว ก็ทำท่าจะวิ่ง ตอนนั้นมีคนบอกว่าห้ามวิ่งเด็ดขาด เพราะหมาเมื่อเห็นเราวิ่ง มันจะวิ่งไล่เราครับ ตอนนั้นไปถึงป้อมยาม ได้ยามที่ป้อมเขาช่วยไล่หมาให้เลยเดินไปเดินมาสะดวกหน่อย แถวๆบริเวณนั้นก็มีรั่วเป็นอันสิ้นสุดเขตการทำงานของพวกเรา ทางฝั่งทิศใต้ของแผนที่ของพวกเราครับ

ในส่วนแรกนี้ขอจบลงเพียงเท่านี้ก่อนแล้วกันครับ จะมาต่อ ตอนที่ 2  สวัสดีครับ 


                                                                              กลับสู่หน้าแรก

โพสต์แนะนำ

เคล็ดลับ การอ่านหนังสือ 2

สวัสดีครับ จากครั้งที่แล้วผมได้นำเคล็ดลับที่ได้จากการอ่านหนังสือที่มีชื่อว่า "เคล็ดลับ เลิกทรมานกับการอ่านหนังสือ" นำมาสรุ...