ค้นหาบทความที่น่าสนใจ

เรื่องสั้น สัญญาณแห่งหัวใจ


สวัสดีครับ ก็เป็นเรื่องสั้นเรื่องที่ 3 ที่ผมแต่งในช่วงปิดเทอมของผมครับ ถ้าไม่มีงานอะไรเข้ามาในช่วงนี้ ก็น่าจะได้แต่งอีกเรื่องหนึ่งแต่น่าจะคงยากแล้วละ เพราะใกล้เปิดเทอมเข้ามาทุกทีๆ นี่น่าจะเป็นเรื่องสุดท้ายของช่วงนี้แล้วละครับ ก็ขอฝากทุกท่านไว้สักอีกเรื่องแล้วกันครับ อ่านและคอมเม้นกันได้นะครับ ขอบคุณครับ   

เรื่องสั้น "สัญญาณแห่งหัวใจ"
              มนุษย์เรานั้นล้วนมีสิ่งที่ตนปรารถนา บ้างปรารถนาวัตถุสิ่งของ บ้างปรารถนาสิ่งที่ไม่ใช่วัตถุโดยเฉพาะความรักนั้น เป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนาอยากจะครอบครองมัน แต่จะมีสักกี่คนเล่าที่จะได้ครอบครองมัน เคยมีคนกล่าวไว้ว่าทุกคนตั้งแต่เกิดมาล้วนถูกลิขิตให้มีคู่แท้ คู่ชีวิตเพื่ออยู่เคียงข้างกาย แค่เรานั้นยังหาใครคนนั้นไม่เจอก็เท่านั้นเอง 
"รักแท้มันไม่มีจริงหรอกก้อย เธอก็อย่าเพ้อฝันไปมากนักนะฉันพูดพร้อมกับส่ายหน้าช้าๆอย่างไม่เห็นด้วย
"โธ่ณี อย่าทำลายความฝันของเด็กผู้หญิงสิ!" เพื่อนตัวแสบของฉันเถียงกลับ
 "ช่างเถอะ รีบไปๆ อีกเดี๋ยวพิธีปฐมนิเทศ จะเริ่มแล้วนะ"
 "โหณีอย่าเปลี่ยนเรื่องสิ เอ๊ะ!หยุดนะยังคุยกันไม่จบเลย"
             วันนี้เป็นวันที่ฉันจะกลายเป็นนักเรียนมัธยมปลายอย่างเต็มตัว ซึ่งตัวฉันนั้นเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเดิมเพราะอยู่ใกล้บ้าน ขณะที่กำลังเดินไปตามระเบียงทางเดินโดยมีจุดหมายปลายทางคือหอประชุมอยู่นั้น
 "เอ่อ... ขอโทษครับ หอประชุมไปทางไหนเหรอครับเสียงคนที่อยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้น พวกเรารีบหันไปทางต้นเสียงทันที เจ้าของเสียงเป็นชายรูปร่างสูง ผิวขาวสะอาด แววตาและรอยยิ้มของเขาดูมีเสน่ห์อย่างยิ่ง
 "นี่นาย!! อย่าบอกนะว่ามาเข้าเรียนที่นี่นะฉันร้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย
 "อ้าวไง ยัยแว่น ก็ประมาณนั้นแหละ บังเอิญจังนะชายหนุ่มคู่สนทนาตอบกลับพร้อมฉีกยิ้มให้
 "แหม่ๆ รู้จักด้วยเหรอ?" ก้อยเอ่ยขึ้นขัดจังหวะสนทนา
 "อืม ก็รู้จักกันตอนที่ฉันไปเยี่ยมญาติ หมอนี่อยู่ข้างบ้านญาติฉัน ก็เลยรู้จักกันฉันตอบกลับพร้อมกับแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน เพื่อนของฉันชื่อก้อย ส่วนชายหนุ่มเจ้าของลักยิ้มบนใบหน้าชื่ออัค
 "ยินดีที่ได้รู้จักนะก้อย"
"เช่นกันนะ งั้นอัคก็ไปด้วยกันเลยสิ พวกเราก็กำลังไปที่อยู่นั้นพอดีเลยก้อยเอ่ยชวนเพื่อนใหม่ทันที
 "นี่ฉันว่าเรารีบไปกันเถอะฉันพูดขัดขึ้น พร้อมชี้ที่นาฬิกาข้อมือ
ก้อยมองหน้าฉันสลับกับอัคก่อนที่จะฉีกยิ้มอย่างมีเล่ห์สนัยขึ้น
ยัยนี่ คงจะไม่คิดอะไรแปลกๆหรอกนะ เฮ้อ!!    และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่างๆหลังจากนี้
   
              2  เดือนผ่านมาหลังจากนั้น ฉันกับก้อยพวกเราได้อยู่ห้องส่วนอัคอยู่ห้องB
ไม่รู้ด้วยความบังเอิญหรืออะไรพวกเราถึงต้องมาอยู่ชมรมเดียวกัน ชมรมที่ว่ามีสมาชิกทั้งหมด คน คือฉัน ก้อย อัค และพี่คิงที่เป็นประธาน กิจกรรมชมรมเรียกว่าไม่มีก็ว่าได้ ส่วนใหญ่จะให้พี่คิงสอนการบ้านให้ หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันตามปกติ กระทั่งวันนี้ ก่อนกลับบ้าน
โทษทีนะณี ฉันมีธุระนิดหน่อย วันนี้ณีกลับกับอัคแล้วกันนะ” ก้อยพูดเหมือนวางแผนอะไรบางอย่าง ยิ้มแย้มแล้วจากไปทิ้งพวกเราให้มองดูอย่างงงๆ
ให้ตายสิ ทำไมฉันต้องกลับบ้านพร้อมกับนายด้วยเนี่ย
แหม่ๆ อย่าพูดแบบนั้นสิ ก็บ้านของพวกเราอยู่ทางเดียวกันนิ และอีกอย่าง ฮึๆ
ถ้าขำแบบนั้นอีกละก็แม่จะอัดให้เละเลยไอ้โรคจิต!!”
ขอโทษครับ จะไม่ทำแล้วครับ
เข้าใจแล้วก็ดี
เออ…. แบบว่าก้อย.. มีคนที่ชอบแล้วรึยังอะ?”
“…เอ๊ะ!!!! หรือว่าชอบเหรอ” 
เปล๊า!! ก็แค่….”
แหม่ๆ ไม่ต้องเขินหรอกนาย  เอ๋จะว่าไปแล้ว ที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็นก้อยชอบใครจริงๆจังๆเลยนิ คิดว่ายังนะ แต่ไม่ต้องห่วงเดี่ยวฉันจะช่วยนายเอง
ห๋าคือ… ไม่ใช่แบบนั้นนะ
ไม่ต้องห่วงๆ วางใจพี่ได้เลย ไอ้น้อง ฮ่าๆ” อีกฝ่ายเมื่อเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจแล้วเปลี่ยนมาฉีกยิ้มให้แทน เหมือนจะยอมรับว่าใช่แล้วสินะ แต่หน้านายน่าหมั่นไส้ชะมัดแล้วชอบตั้งแต่เมื่อไรละ” อีกฝ่ายเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบ
อืมนั้นสินะ คงจะตั้งแต่แรกมั้ง
งั้นเหรอฉันขอคิดแผนก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้หลังเตรียมงานโรงเรียนในส่วนของชมรมเสร็จ นายว่างมั้ย?” 
ก็ว่างอยู่หรอก ทำไมเหรอ?”
งั้นก็ OK ไม่มีอะไรหรอก
 หลังจากนั้นพวกเราก็แยกกัน ฉันเดินเข้าบ้านและปิดประตู
เฮ้อทำไมฉันต้องไปช่วยหมอนั้นด้วยเนี่ย อีตาบ้า!!” จะว่าไปฉันไปเจอหมอนั้นตอนไหนนะ ฉันครุ่นคิด รำลึกถึงความหลังในวัยเยาว์

พ่อจ๋า เราจะไปไหนกันเหรอคะ” ฉันในวัยเด็กถามคุณพ่อด้วยความสงสัย ฉันถูกพามาที่บ้านของคุณปู่ เนื่องด้วยคุณปู่ป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน พวกคุณลุงคุณป้า มากันยกใหญ่ ทุกคนมีสีหน้าที่กังวลและ เศร้าไม่ต่างกัน
ในคืนนั้น ช่วงเวลาที่ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวอยู่นั้น ฉันซึ่งหลับอยู่ที่โซฟาข้างๆ ได้ยินเสียงแว่วๆของคุณปู่ จึงลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียฉันมองเห็นคุณปู่เป็นภาพมัวๆคล้ายควันที่จะลอยหายไป
ขอโทษด้วยนะที่ทำให้เป็นห่วง หนูนอนต่อเถอะ ปู่ไม่กวนละ” น้ำเสียงห่วงใยของปู่ช่างบาดลึกเข้าไปในใจ
คุณปู่ฟื้นแล้วหรอคะ” ฉันรีบลุกขึ้นมากอดโดยไม่รีรอ แต่แล้วร่างปู่ก็ค่อยๆจางหายไปท่ามกลางความว่างเปล่าของสองมือน้อยๆ ฉันรีบวิ่งตามหาคุณปู่ แต่ก็ต้องตกใจด้วยเสียงเคาะประตูดังลั่น นี่ฉันฝันไปหรอเนี่ย
ในรุ่งเช้าคุณปู่ก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ บรรยายกาศรอบตัวฉันมีแต่ความโศกเศร้า ฉันร้องไห้ไม่ยอมหยุดหลายวัน ขณะที่ฉันนั่งร้องไห้อยู่ที่สนามเด็กเล่น ก็มีมือค่อยๆมาลูบหัวของฉันอย่างช้าๆ
ถ้าร้องไห้มากๆ เดี่ยวปีศาจจะมาเอาเสียงของเธอไปนะ คุณปู่คงจะดีใจมากกว่านะ ถ้าเธอยิ้ม ยิ้มสิ” ฉันเงยหน้ามองไปหาเจ้าของมือที่ลูบหัวฉัน รอยยิ้มดวงตาคู่นั้นของเขา ฉันจำได้เป็นอย่างดี เขาคือคนที่นั่งร้องไห้หน้ารูปของคุณปู่ในวันสวดศพ
นาย!”
เธอนี่มัวมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ละ ไปเล่นกันเถอะ!” เขาเป็นคนที่ดึงฉันให้ออกจากความเศร้าและกลับมาเป็นฉันคนเดิมอีกครั้ง “ฉันชื่ออัค เธอละชื่ออะไร
ณี”  
หลังจากนั้นตอนปิดเทอมใหญ่ ฉันจะกลับไปหาคุณย่าและไหว้คุณปู่ทุกปีและนั่นก็เป็นตอนที่พวกเราพบกัน

ห่วงเวลาความทรงจำของฉันกับเขากำลังล่องลอยในหัว ฉันยังจำวันนั้นได้ดี ขอบคุณนะ..อัค
สายแล้วๆ” ฉันรีบลุกจากที่นอนและรีบไปโรงเรียนในทันใด
ณี!! อรุณสวัสดิ์ ช่วยถือหน่อยสิ” ก้อยยื่นถุงที่ด้านในใส่แบบจำลองมาให้ถุงหนึ่ง
อรุณ… หะ!  อ๋อได้สิ นี่มันอะไรเหรอ
ก็งานของชมรมไงละ เธอนี่นะ จริงๆเลย
“… อ้าวเหรอ” ลืมไปเลยแฮะ 
จะว่าไปแล้ววันนี้เป็นวันเตรียมงานของงานโรงเรียนสินะ ปีนี้พิเศษกว่าปีอื่นๆก็เพราะปีนี้เป็นปีครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้งโรงเรียน เลยจัดให้มีงาน 3 วัน แต่พวกเราจะต้องมาเตรียมงานล่วงหน้าก่อนวันงาน 1 วัน งานนี้จะมีการจัดแสดงนิทรรศการผลงานของนักเรียน เปิดโอกาสให้ได้จัดแสดงบูธต่างๆของแต่ละชมรม มีการแข่งขันการต่างๆ เช่นกีฬากระชับมิตรและอื่นๆอีกด้วย สำหรับชมรมสำรวจของพวกเรานั้นจะจัดนิทรรศการแผนที่โลกและแบบจำลองสถานที่ต่างๆของโลก
                 พวกเราเดินไปที่ห้องชมรม ระหว่างทางพอมองดูรอบๆแล้ว บรรยากาศของงานเต็มไปด้วย ป้ายเอย ผ้าเอย กระดาษเอย บรรยากาศการเตรียมงานดูวุ่นวายไปหมด และแล้วพวกเราก็เดินมาถึงห้องชมรม
อรุณสวัสดิ์สองสาว ขอโทษนะแต่ช่วยเอาแบบจำลองตรงนั้นไปต่อรวมด้วยนะ” เสียงประธานชมรมพูดขึ้นอย่างรีบร้อนและสั่งงานทันทีเมื่อเห็นสองสาวสมาชิกของชมรมเดินเข้ามา
พี่คิงสวัสดีค่ะ อ๋ออออ ได้ค่ะ เดี๋ยวทำให้” ฉันทักทายกลับ ขณะนั้นพี่คิงกำลังผูกเชือกติดธงชาติกับเพดานอยู่
 “เฮีย จะเอาแผนที่กับขาตั้งไปตั้งไหนดี?” อัคเดินเข้ามาพร้อมของในมือ 
                ธงชาติของประเทศต่างๆผูกปลิวสไวยอยู่บนเพดาน มองลงมาเรื่อยๆจะเห็นแผนที่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมผนัง ตรงกลางห้องมีแบบจำลองสถานที่ต่างๆของโลกบนโต๊ะตัวใหญ่และลูกโลกวางอยู่ข้างๆ ให้บรรยากาศอย่างกับอยู่ท่ามกลางเมืองจำลองกันเลยทีเดียว
ขอบคุณทุกคนด้วยนะ พรุ่งนี้ก็วันงานแล้ว สู้ๆ!! เดี๋ยวเสร็จงานพี่จะพาไปเลี้ยง” ประธานขอบคุณลูกทีม
พูดแล้วนะเฮีย” อัครีบเตือน
พี่พูดแล้วนะคะ” ก้อยไม่รอช้า รีบดักเช่นกัน
 “แน่นอนๆ พี่ไปส่งรายงานก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้” พี่คิงส่งยิ้มให้ พร้อมกับหายไปกับเล่มรายงานที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตะกี้นี้
โชคดีค่ะ/ครับ” พวกเราเดินลงบันไดมาหน้าอาคารเรียนและกำลังมุ่งหน้าออกนอกโรงเรียน
 “ไม่มี ตายแล้วณีฉันลืมของในห้องชมรม รอฉันก่อนนะ เดี๋ยวมาๆ” ว่าแล้วก้อยก็วิ่งขึ้นอาคารเรียนไป
ไปกันเถอะๆ” อัคจับมือฉันแล้วพาวิ่งออกไป
เอ๊ะ!” ตึกตัก ตึกตัก ใจฉันเต้นแรงขณะที่เขาจับมือฉัน และเขาพามาหยุดอยู่ที่ร้านขายเครื่องเขียนหน้าโรงเรียน
เข้าไปเร็วๆ
นี่มันอะไรกันนะ
เอาน่าๆเดี่ยวก็รู้ๆ ฮึๆ”  ชั่วครู่เมื่อมองออกนอกหน้าต่างก็พบเข้ากับพี่คิงและก้อยกำลังเดินมาด้วยกัน
จะว่าไงดีละ ฉันไปรู้ความลับของเฮียเข้า ก็เลยคิดจะช่วยสักหน่อยนะสิ
หมายความว่าไง
ชู่วว์อย่าเสียงดังไปสิ เฮียแกชอบก้อยไงละ
เอ๊ะจริงอะ!! นึกว่า…”
ยัยบ๊องเอ๊ย คิดไปไหนเนี่ย” เขาลูบหัวฉันเบาๆ
เฮ้อทำไมฉันต้องโล่งอกละ ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นใจกลับเต้นรั่วๆจนรู้สึกได้ถึงเสียงเต้นของหัวใจ ตึกตัก ตึกตัก ทำไมกันละ ทำไมใจมันสั่นแบบนี้ละเนี่ย อ๊ากก!
เป็นไรไปนะ ยัยแว่น
หะ เปล่าๆ ไม่มีไรหรอก” ทำไมกันนะ ทำไมเราถึงดีใจ  ความรู้สึกแปลกๆนี่มันอะไรกันนะ
"ดีจังนะ” ฉันฉีกยิ้มให้กับเขา



ที่มาwww.dek-d.com




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โพสต์แนะนำ

เคล็ดลับ การอ่านหนังสือ 2

สวัสดีครับ จากครั้งที่แล้วผมได้นำเคล็ดลับที่ได้จากการอ่านหนังสือที่มีชื่อว่า "เคล็ดลับ เลิกทรมานกับการอ่านหนังสือ" นำมาสรุ...