ค้นหาบทความที่น่าสนใจ

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

ท่าว่ายน้ำ

ท่าว่ายน้ำ

 ครั้งที่แล้วนั้นผมได้กล่าวถึงประวัติของการว่ายน้ำไปครับ ในครั้งนี้จะมากล่าวถึงท่าสำหรับว่ายน้ำนะครับ จริงๆแล้วการว่ายน้ำนั้นมีหลายท่ามากเลยทีเดียวครับ แต่ที่เป็นที่นิยม คนว่ายมากจริงๆ มีอยู่ 4 ท่าด้วยกันครับซึ่งผมขอเรียกว่าเป็นท่าว่ายน้ำหลักแล้วกันนะครับ
  
เป็ด!! อาบน้ำในคลอง!!?


ท่าหลักของการว่ายน้ำจะมีอยู่ 4 ท่าด้วยกันนั้นคือ

1.ท่าฟรีสไตล์ Freestyle

          คำว่า "ฟรีสไตล์" เป็นคำที่เรียกกันติดปากเพราะถ้าจะเรียกให้ถูกต้องจริงๆ ท่านี้จะเรียกว่า "crawl stroke" (อ่านว่า ครอล สโตรค) 


          ที่เรียกกันว่า ฟรีสไตล์ก็เพราะคุณสามารถว่ายท่าอะไรก็ได้ที่คิดว่าเร็วที่สุดเพื่อให้ถึงขอบสระก่อนคนอื่น โดยท่าที่นิยมใช้คือ crawl stroke ทำไมท่านี้จึงมีความเร็วสูงที่สุดน่ะหรือ เป็นเพราะท่านี้เป็นท่าที่ร่างกายมีความเพรียวลู่น้ำมากกว่าท่าอื่น ๆ รวมทั้ง การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และท่านี้จัดว่าว่ายได้ง่ายและในกระบวนการสอนว่ายน้ำก็จะสอนท่านี้เป็นท่าแรก


   การใช้แขนท่าฟรีสไตล์ (Freestyle Arm Action)
           การว่ายน้ำทุกท่ายกเว้นท่ากบ จะต้องใช้แขนและมือเป็นตัวขับ เคลื่อนถึง 70 % หรือมากกว่า ดังนั้นแขนจึงเปรียบเสมือนไม้พาย ที่จะช่วยให้ร่างกายไปข้างหน้าได้ และในท่าฟรีสไตล์นั้น มีลักษณะการใช้แขนที่มีความต่อเนื่องกันมากที่สุด โดยการว่ายให้มีความเร็วและถูกต้องนั้น ทำได้ดังนี้
          
          1. เมื่อคุณยืดแขนไปด้านหน้าจนสุดแล้ว แขนของคุณต้องชิดกับหู
          2. ต่อจากนั้นให้คุณกดมือลง พร้อมกับโก่งแขนโดยการยกข้อศอกโดยแรงที่จะส่งตัวคุณนั้นจะออกมาจากไหล่
          3. ดันแขนท่อนล่างให้ผ่านไปใต้ลำตัว นิ้วทุกนิ้วเรียงชิดติดกัน
          4. ดันน้ำจนกระทั่งแขนของคุณตึงพอดี สามารถตรวจสอบได้ โดยมือของคุณจะผ่านไปถึงต้นขา
          5. ยกแขนขึ้น โดยงอข้อศอก แล้ววาดแขนมาด้านหน้า วางมือลงน้ำ กดศอกแล้วยืดแขนออกไป


 ข้อควรจำ         
          1. คุณต้องดันน้ำไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
          2. เมื่อคุณจะวางแขนลงน้ำเพื่อว่ายต่อไป พยายามอย่าให้แขนฟาดน้ำ ให้ลากศอกและมือแทงลงน้ำไปด้านหน้าอย่างนิ่มนวล
         3. เมื่อมือคุณลงน้ำแล้ว อย่าให้มือชี้ลงไปที่พื้นสระ จงบังคับมือและแขนให้ชี้ไปยังเป้าหมาย คือ ด้านหน้าของคุณ โดยการยืดแขนออกไปขณะที่มือลงน้ำ ไม่ใช่จิ้มมือลงไปในน้ำ 
    การใช้ขาท่าฟรีสไตล์ (Freestyle Leg Action)
           ในการใช้ขาของท่าฟรีสไตล์ จะเตะขาในลักษณะเตะสลับขึ้นลง ซ้ายขวา โดยที่จะต้องส่งแรงเตะมาจากสะโพก ไม่ใช่เตะจากหัวเข่า โดยในการเตะขานั้น ข้อเท้าและหัวเข่าต้องมีความพลิ้วไม่เกร็งเป็นอันขาด


สำหรับใครที่อ่านแล้วนึกภาพไม่ออก ก็มีคลิกให้ดูกันนะ เป็นเทคนิคของท่าฟรีสไตล์ !!  





2. ท่ากรรเชียง BACKSTROKE 
         หากคุณว่ายท่าฟรีสไตล์ได้ การว่ายท่ากรรเชียงก็ไม่ยากสำหรับคุณ เพราะท่ากรรเชียงก็เหมือนกับท่าฟรีสไตล์กลับด้านกันนั่นเอง



         ดังนั้นคุณสามารถว่ายกรรเชียงโดยดัดแปลงหลักการของฟรีสไตล์ได้ ถ้าคุณคิดจะว่ายเล่นคำพูดที่บอกว่าหน้าอยู่เหนือน้ำตลอดก็เป็นคำพูดที่ถูก แต่ในการแข่งขันแล้วคุณคิดเช่นนั้นหรือเปล่าเอ่ย? ไม่เลย..เพราะในการว่ายระดับสูงจะมีคลื่นที่เกิดจากการวางแขนของคุณไปด้านหลังอย่างเร็วและต้องวางให้ชิดกับหูของคุณด้วย ดังนั้นจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าน้ำจะเข้ามาที่หน้าของคุณ  


  การใช้แขนท่ากรรเชียง (Backstroke Arm Action)

           การว่ายท่ากรรเชียง คุณต้องนอนหงายแล้วว่ายในลักษณะเคลื่อนที่ไปด้านหลัง แต่การทำงานของแขน และมือจะคล้ายกับท่าฟรีสไตล์มาก เรามาดูกันว่า เราต้องทำอย่างไรบ้าง
         1. เมื่อคุณยืดแขนออกไปแล้ว แขนคุณต้องชิดหู ไม่ใช่เอาหูไปชิดแขนนะครับ ให้พาแขนมาชิดหู 
         2. ให้คุณกดแขนลงไปในน้ำ ที่สำคัญปล่อยไหล่ตามสบาย ถ้าคุณเกร็งไหล่ให้อยู่กับที่เอาไว้ คุณจะกดแขนลงน้ำไม่ได้
         3. งอข้อศอกและตั้งมือ พร้อมทั้งดันน้ำผ่านไปทางต้นขาของคุณอย่างรวดเร็ว
         4. จังหวะสุดท้ายของการดันน้ำ ให้คุณกดมือลงอย่างแรง จนแขนของคุณตึง
         5. เมื่อคุณยกแขนขึ้นมาจากน้ำ คุณต้องไม่งอข้อศอก และวางแขนไปด้านหลังโดยไม่ฟาดน้ำ โดยการวางแขนนั้นให้คุณหันฝ่ามือเอานิ้วก้อยลงก่อน
         6. เริ่มทำข้อ 1. กับแขนอีกข้าง
         ข้อควรจำ
         1. ในการวางแขนลงน้ำเพื่อจะดึงน้ำต่อไป คุณต้องให้นิ้วก้อยลงน้ำก่อนเสมอ
        2. คุณไม่ต้องกังวลเรื่องที่น้ำจะเข้าหน้าคุณ เพราะว่าถ้าคุณว่ายถูกต้อง น้ำก็เข้าหน้าคุณอยู่แล้ว ให้คุณแก้ไขโดยกำหนดจังหวะหายใจ เช่น ยกแขนขวาขึ้นหายใจเข้า ยกแขนซ้ายหายใจออก เป็นต้น
         3. ให้คุณเก็บคางเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ก้มจนหูพ้นน้ำ และไม่เงยจนกระทั่งหน้าจมลงไปในน้ำ
         4. ยืดตัวเอาไว้ อย่างอตัวเป็นกุ้งเด็ดขาด

          การใช้ขาท่ากรรเชียง (Backstroke Leg Action)
         " การเตะขาที่ถูกวิธี จะช่วยทำให้คุณว่ายน้ำได้เร็วและดีขึ้น เพราะมันจะช่วยให้การทรงตัวของร่างกายคุณสมบูรณ์แบบ " 
        ในการเตะขาท่ากรรเชียงนั้น จะมีน้ำหนักในการเตะขามากกว่าท่าฟรีสไตล์ โดยเป็นการเตะในลักษณะสะบัดน้ำขึ้นไปทำให้ขาต้องทำงานหนักกว่าปกติ แต่การเตะที่ถูกต้องก็จะช่วยเสริมให้การว่ายดีขึ้น

วิดีโอประกอบความเข้าใจ สำหรับเทคนิคและท่าว่ายของท่านะครับ 



3. ท่าผีเสื้อ BUTTERFLY 
         ท่าผีเสื้อ เป็นท่าที่คุณต้องใช้แรงในการว่ายมากที่สุด และในการสอนว่ายน้ำก็จะสอนท่านี้เป็นท่าสุดท้าย ท่านี้มีความเร็วเป็นอันดับสองรองจากฟรีสไตล์ แต่ถ้าคุณว่ายเก่งคุณสามารถว่ายจี้ติดคนที่ว่ายท่าฟรีสไตล์ได้เลยทีเดียว ในการว่ายท่าผีเสื้อนี้คุณจะต้องฝึกฝนเป็นเวลานานกว่าท่าอื่น รวมทั้งคุณต้องมีร่างกายที่แข็งแรงด้วย บางคนคิดว่าการว่ายผีเสื้อต้องเป็นคนที่หัวไหล่แข็งแรงเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้วแค่นั้นยังไม่พอ คุณต้องมีกล้ามเนื้อทั้งหัวไหล่ หน้าอก ลำตัว หลัง และขาที่แข็งแรงมาก ถ้าคุณว่ายท่านี้ได้ดี คุณจะว่ายได้อย่างสวยงามไม่น้อยเลย สำหรับผู้ชายที่ว่ายน้ำท่านี้ คุณจะมีรูปร่างที่สวยงามเป็นเหมือนสามเหลี่ยมหัวกลับเลยเชียว แต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิง คุณก็อาจจะมีช่วงไหล่ที่กว้างและใหญ่ได้ ในการว่ายท่านี้มีลักษณะเป็นการถ่ายน้ำหนักของร่างกายไปมาจากหน้าไปหลังและหลังไปหน้าไปเรื่อย ๆ ดังนั้นท่านี้ต้องอาศัยเอวและสะโพกมาช่วย

         การใช้แขนท่าผีเสื้อ (Butterfly Arm Action)        
         1. เมื่อแขนคุณอยู่ข้างหน้า ให้กดมือลงพร้อมกับกวาดออกไปด้านข้างเล็กน้อย
         2. งอข้อศอกพร้อมทั้งดันมือผ่านใต้ลำตัว
         3. ดันน้ำจนแขนผ่านบริเวณต้นขา
         4. ยกแขนขึ้นให้ศอกและมือพ้นจากน้ำ
         5. วางแขนกลับไปด้านหน้าโดยให้แขนมีความกว้างเท่าช่วงไหล่
         ข้อควรจำ
         1. ในขณะที่คุณดันน้ำผ่านใต้ลำตัวนั้น คุณต้องพยายามรักษาระดับของข้อศอกให้สูงเสมอ ไม่ให้ข้อศอกตกลงไปต่ำมาก
         2. ในขณะยกแขนขึ้นจากน้ำต้องให้ศอกพ้นน้ำด้วย เพราะมันเป็นทั้งหลักการว่ายที่ถูกต้องและเป็นกติกาสากลในการว่ายท่าผีเสื้อ 
         3. คุณควรพยายามดันน้ำให้มือทั้งสองข้างผ่านใต้ลำตัว เพื่อให้เกิดแรงส่ง ถึงแม้จะเหนื่อยหน่อยแต่คุณจะว่ายได้เร็วกว่าการที่คุณจะดันน้ำเพียงแค่ข้างลำตัวเท่านั้น 
         4. ในการดันมือผ่านใต้ลำตัวคุณต้องดันน้ำไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นไหล่และแขนของคุณจะยกขึ้นไม่พ้นน้ำ
          การใช้ขาท่าผีเสื้อ (Butterfly Leg Action)
         " การเตะขาเหมือนปลาโลมา ช่วยในการถ่ายน้ำหนักไปมาระหว่างด้านหน้าและหลัง และยังส่งตัวคุณให้พุ่งไปข้างหน้าด้วย " 




         ในการว่ายท่าผีเสื้อนั้น การเตะขามิใช่จะใช้แต่เพียงขาเท่านั้น ยังต้องใช้ลำตัวและเอวในการที่จะบังคับร่างกายให้เลื้อยไปตามน้ำด้วย เพราะฉะนั้นถ้าคุณเตะขาท่านี้ได้ไม่ดี หรือมีพื้นฐานการเตะขาในท่าก่อน ๆ ไม่ดีพอแล้ว คุณจะจับจุดไม่ถูกว่าจะต้องเตะแบบไหนเพื่อให้ได้แรงและส่งตัวคุณไปข้างหน้าได้ แต่ถ้าคุณเข้าใจการเตะขาของฟรีสไตล์มันก็เป็นหลักการเดียวกัน เพียงแต่ว่า คุณต้องเตะสองขาพร้อม ๆ กันนั่นเอง 
    
         การเตะขาท่าผีเสื้อ ก็เหมือนท่าฟรีสไตล์ คือ เตะโดยส่งแรงจากสะโพกลงมาหาปลายเท้า แต่มีเทคนิคอื่น ๆ อีก ดังนี้
         1. คุณต้องพยายามรวบให้เท้าอยู่ชิดกันและหัวเข่าไม่กางออก
         2. คุณต้องไม่ยกเท้าขึ้นไปสูง จนเห็นน่องของคุณ คุณควรเตะโดยสะบัดเท้าจากระดับน้ำหรือต่ำกว่าเล็กน้อย
         3. คุณต้องไม่ให้สะโพกตกลงมากนัก เพราะจะทำให้การว่ายของคุณเสียจังหวะได้
         4. การรวบเท้าชิดกันนั้น ต้องไม่เกร็งหรือหนีบเท้าแต่พยายามให้เท้าอยู่ใกล้กันมากที่สุด


วิดีโอประกอบความเข้าใจสำหรับเทคนิคของท่าครับ




4. ท่ากบ BREASTSTROKE
         " คนส่วนใหญ่คิดว่าท่ากบจะสบายที่สุด แต่คุณรู้ไหมว่าท่ากบเป็นท่าที่ต้องใช้เทคนิคและพรสวรรค์สูงที่สุด " 
            ข้อความด้านบนเป็นจริง เพราะท่ากบเป็นท่าธรรมชาติของมนุษย์คือใช้มือพุ้ยน้ำและใช้เท้าถีบไปเรื่อย ๆ แต่ในการแข่งขันแล้วท่ากบใช้เทคนิคสูงเพราะการว่ายไม่เหมือนกับการว่ายเล่นธรรมดา และต้องใช้พรสวรรค์สูงเพราะเป็นท่าที่นักกีฬา ต้องมีกล้ามเนื้อที่เรียวยาว ข้อหัวเข่ายืดหยุ่นได้สูง 
         การใช้แขนท่ากบ (Breaststroke Arm Action)
            การใช้แขนในท่ากบ มีความสำคัญในการขับเคลื่อนร่างกายไปข้างหน้าน้อยกว่าการใช้ขา เพราะท่ากบใช้พลังขา 70 %เพื่อการขับเคลื่อนร่างกาย แต่การใช้แขนก็ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญเพราะอีก 30 % ก็มีผลต่อการว่ายเช่นกัน เรามาดูกันว่าการใช้แขนของท่ากบนั้นทำอย่างไรบ้าง 
          1. ให้คุณกดมือพร้อม ๆ กับการกวาดมือไปด้านข้าง โดยการกดมือและแขนลงนั้นให้กดลงประมาณ 45 องศา
        2. เมื่อกวาดมือออกมาเลยช่วงไหล่เล็กน้อยให้โก่งแขนโดยงอข้อศอกและยกข้อศอกให้สูงเอาไว้พร้อมกับล็อคข้อศอกให้อยู่กับที่คือไม่ลากศอกออกไปด้านหลัง 
       3. ตวัดมือทั้งสองข้างให้มาด้านหน้าในลักษณะกระพุ่มมือ (การตวัดให้มาทั้งแขนท่อนล่างไม่ใช่ตวัดแค่ข้อมือ) พร้อมทั้งให้หนีบศอกทั้งสองข้างมาชิดตัวอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งยืดแขนออกไปด้านหน้าอย่างเร็วด้วย
          4. ก้มหัว ส่งแรงจากไหล่ตามแขนไปด้วย
         ข้อควรจำ
         1. คุณต้องยกศอกให้สูงเสมอในขณะที่ดันน้ำ
         2. คุณต้องไม่ลากแขนออกไปด้านข้างมากนัก และไม่ลากแขนจนมือเลยไปด้านหลัง
         3. อย่าให้มือไปอยู่ใต้หน้าอกหรือใต้ลำตัว เมื่อศอกชิดตัวแล้วมือต้องอยู่ด้านหน้าของหน้าอก
       4. คุณต้องหนีบข้อศอกมาให้รวดเร็วที่สุด เพื่อเป็นการแหวกขึ้นมาหายใจอย่างรวดเร็ว มิใช่ค่อย ๆ เงยขึ้นมาแล้วลำตัวไปต้านน้ำ ทำให้เคลื่อนที่ได้ช้าลง
         การใช้ขาท่ากบ (Breaststroke Leg Action)
          " ท่านี้พลังขับเคลื่อนส่วนใหญ่มาจากขา ดังนั้นถ้าคุณใช้ขาได้ถูกต้อง คุณจะสามารถพุ่งไปได้ดีและเร็วกว่าคนอื่น "
           อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า การว่ายท่ากบ เป็นท่าที่ต้องใช้พรสวรรค์และเทคนิคสูงที่สุด แต่คุณก็สามารถฝึกฝนได้ ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่าว่า จะต้องใช้ขาอย่างไรจึงจะทำให้คุณมีพลังขับเคลื่อนที่ดีในการว่ายท่ากบนี้   
   ขั้นตอนในการใช้ขาของท่ากบ มีดังนี้
          1. ให้รวบขาชิดกันเท้าชิดกันเอาไว้ ยืดขาให้ยาว
          2. งอเข่า ดึงส้นเท้ามาหาสะโพก ข้อสำคัญคุณต้องไม่ชักเข่าเข้าใต้ลำตัวของคุณ โดยการงอเข่านั้นคุณต้องแยกขาเล็กน้อยแต่คุณต้องบังคับให้เข่าและเท้ายังอยู่ในช่วงกว้างของสะโพก
          3.  เมื่อเท้าชิดสะโพกแล้วให้หมุนเท้าโดยให้นิ้วเท้าชี้ไปด้านข้าง ฝ่าเท้าอยู่ในท่าที่เตรียมจะถีบน้ำ
          4. ถีบน้ำไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
          5. หลังจากนั้นให้คุณรวบขาและเท้าทั้งสองข้างให้ชิดกันอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมที่จะถีบใหม่อีกครั้ง
          ข้อควรจำ
          1. ต้องไม่มีอาการเกร็งข้อเท้าเลย ในขณะที่ถีบน้ำ
          2. ในการรวบเท้า คุณต้องตบฝ่าเท้าของคุณเข้าหากันอย่างรวดเร็วที่สุด
          3. เวลาถีบขาอย่ากระชากหัวเข่า เพราะจะทำให้คุณรวบขาได้ช้า และอาจบาดเจ็บได้
          ความสัมพันธ์ของร่างกายในท่ากบ (Breaststroke Relative Action)
           ในการว่ายท่ากบนั้น จังหวะเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะท่ากบต้องอาศัยความสัมพันธ์ของแขนกับขาเพื่อให้เกิดความลู่น้ำและความเร็วมากที่สุด ถ้าคุณว่ายผิดจังหวะแล้ว คุณจะไปได้ช้าและเหนื่อยกว่าปกติ ดังนั้น การว่ายท่ากบจึงต้องอาศัยการฝึกฝนและเทคนิคสักหน่อย 

 ขั้นตอนต่าง ๆ ในการว่ายท่ากบ มีดังนี้
          1. ให้คุณยืดแขนและขาเอาไว้ วางลำตัวเหมือนกับท่าฟรีสไตล์
          2. ให้กวาดมือออกด้านข้างเล็กน้อย
          3. เมื่อกวาดมือแล้ว ให้กดมือลง พร้อมกับรวบแขนไปด้านหลังเล็กน้อย
          4. ให้รวบแขนและศอกมาชิดข้างลำตัว ให้ตวัดเข้ามาอย่างรวดเร็ว และให้มืออยู่บริเวณหน้าอก
          5. เมื่อยืดแขนออกไป ให้งอเข่าตามมา และเมื่อแขนยืดเสร็จแล้ว ขาจะต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมจะถีบน้ำ เมื่อถีบน้ำและรวบขาชิดกันแล้วก็จะกลับเข้าสู่ข้อที่1ใหม่ โดยให้คุณยืดตัวไว้ประมาณ 1 - 2 วินาทีก่อน แล้วค่อยเริ่มต้นใหม่

วิดีโอประกอบความเข้าใจสำหรับเทคนิคของท่านะ



ที่มา https://blog.eduzones.com/offy/3920

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โพสต์แนะนำ

เคล็ดลับ การอ่านหนังสือ 2

สวัสดีครับ จากครั้งที่แล้วผมได้นำเคล็ดลับที่ได้จากการอ่านหนังสือที่มีชื่อว่า "เคล็ดลับ เลิกทรมานกับการอ่านหนังสือ" นำมาสรุ...